Saturday, June 20, 2020

การเมือง ปรับ ครม. จับตา บิ๊กตู่ เข้าโซน อันตราย - มติชน

zonasiberita.blogspot.com
การเมือง ปรับ ครม. จับตา บิ๊กตู่ เข้าโซน อันตราย

การเมือง ปรับ ครม. จับตา บิ๊กตู่ เข้าโซน อันตราย

แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะปฏิเสธเรื่องการปรับ ครม. ว่ายังไม่ถึงเวลา ความเคลื่อนไหวของพรรคพลังประชารัฐ เป็นความเคลื่อนไหวระดับพรรค แต่ดูเหมือนว่า นับวันกระแสข่าวที่โหมพัดต่างไปโฟกัสกันที่การปรับ ครม.กันแล้ว

การประชุมใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐ ในวันที่ 27 มิถุนายน เพื่อเลือกกรรมการบริหารชุดใหม่ โดยผลักดันให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค แทน นายอุตตม สาวนายน นั้นเป็นความเคลื่อนไหวหนึ่ง

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีสัญญาณมานานแล้วว่า จะตามต่อด้วยการปรับ ครม.

หากจำได้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร เป็นคนบอกด้วยความจริงใจ

เปลี่ยนกรรมการบริหาร พปชร.แล้ว ตามด้วยปรับ ครม.

แต่ความเคลื่อนไหวของพรรคพลังประชารัฐนั้น พล.อ.ประยุทธ์ยังสงวนท่าที กระทั่งเกิดความเคลื่อนไหวในพรรครวมพลังประชาชาติไทย หรือ รปช. ที่เร็วและแรง

จู่ๆ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ก็ลาออกจากหัวหน้าและสมาชิกพรรค รปช.

จู่ๆ พรรค รปช.ก็แถลงข่าวว่าจะแจ้ง พล.อ.ประยุทธ์ว่า ม.ร.ว.จัตุมงคล ไม่ใช่สมาชิกพรรค รปช.แล้ว และมีความเห็นเสนอให้ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานแทน “หม่อมเต่า”

ขณะเดียวกัน นายเอนกก็ตอบรับความเคลื่อนไหวดังกล่าว โดยพร้อมจะทำงานในทุกตำแหน่ง

เท่ากับว่า พรรคร่วมรัฐบาลแสดงเจตจำนงในการปรับ ครม.

จึงอยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะตัดสินใจอย่างไร

พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผู้รับผิดชอบ อาจจะตัดสินใจปรับ ครม. หรือไม่ปรับ ครม.ก็ได้

แต่กระแสข่าวจนถึงขณะนี้มีความเคลื่อนไหวเตรียมพร้อมในการปรับ ครม.

การปรับ ครม.ครั้งนี้ หนึ่ง คือ ต้องปรับไปตามเจตนาของพรรค รปช. ที่ต้องการจะเปลี่ยนตัวผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรค

อีกหนึ่ง ต้องปรับไปตามเจตนาของพรรคพลังประชารัฐที่ต้องการเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลเช่นกัน

นี่ยังไม่รวมถึงแรงกระเพื่อมในพรรคประชาธิปัตย์ ที่เริ่มจากการเขย่าตำแหน่งของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และกำลังก้าวมาเขย่าตำแหน่งรัฐมนตรีของ นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

แม้ความเคลื่อนไหวของพรรค ปชป. จะยังแผ่วเบา ไม่รุนแรงเท่ากับพรรค พปชร. และพรรค รปช.

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็พอมองเห็นแล้วว่า การเมืองกำลังก้าวเข้าสู่โซนปรับ ครม.

การปรับ ครม.ของรัฐบาลผสมหลายพรรค ปกติจะคำนึงถึงสัดส่วนของพรรคการเมือง ซึ่งวัดตามจำนวน ส.ส.ของแต่ละพรรค

รัฐบาลชุดปัจจุบัน แม้จะบริหารราชการมาเพียง 1 ปี แต่เหตุการณ์ที่ผ่านมาทำให้หลายพรรคร่วมรัฐบาลมีจำนวน ส.ส.มากขึ้น

โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทยที่เดิมมี ส.ส. 52 คน เท่ากับพรรคประชาธิปัตย์ แต่ขณะนี้มี ส.ส. 61 คน ทำให้ลำดับพรรคใหญ่ฟากพรรคร่วมรัฐบาลมีการเปลี่ยนแปลง

สรุปจำนวน ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล เรียงตามลำดับดังนี้

1.พรรคพลังประชารัฐ 118 เสียง 2.พรรคภูมิใจไทย 61 เสียง เติบโตขึ้นเพราะรวมเอา ส.ส.จากอดีตพรรคอนาคตใหม่ 9 คนเข้ามา 3.พรรคประชาธิปัตย์ 52 เสียง 4.พรรคชาติไทยพัฒนา 11 เสียง 5.พรรครวมพลังประชาชาติไทย 5 เสียง 6.พรรคพลังท้องถิ่นไท 5 เสียง 7.พรรคชาติพัฒนา 3 เสียง 8.พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย 2 เสียง

9.พรรคพลังชาติไทย พรรคประชาภิวัฒน์ พรรคพลังไทยรักไทย พรรคไทยศรีวิไลย์ พรรคครูไทยเพื่อประชาชน พรรคประชานิยม พรรคประชาธรรมไทย พรรคพลเมืองไทย พรรคพลังธรรมใหม่ พรรคประชาธิปไตยใหม่ พรรคไทรักธรรม พรรคละ 1 เสียง รวม 11 เสียง

รวม 268 เสียง

นอกจากแรงกระเพื่อมในพรรคใหญ่ที่มีแรงเขย่าเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีกันแล้ว บรรดาพรรคขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีโควต้ารัฐมนตรีไม่เท่ากันก็เริ่มมีการขยับ

นี่ยังไม่รวมถึงพรรคเล็กๆ ที่มีเสียงพรรคละ 1 คน ยังไม่มีความเคลื่อนไหว

การขยับตำแหน่งรัฐมนตรี 1 เก้าอี้ ย่อมส่งผลกระทบไปมากมาย พล.อ.ประยุทธ์ จึงไม่ต้องการปรับ ครม. เพราะเล็งเห็นแล้วว่า จะทำให้ “ยุ่งยาก” มากกว่า “ราบรื่น”

ขณะเดียวกัน ในสถานการณ์ที่ประเทศชาติต้องการขับเคลื่อนไปข้างหน้า ในจังหวะที่รัฐบาลระดมงบประมาณจำนวนแสนล้านบาทมาเตรียมใช้จ่าย

และในเวลาที่ประชาชนคนในชาติต้องการผ่านพ้นวิกฤตไปให้ได้

หากมีการปรับ ครม. ความเชื่อมั่นในตัวบุคคลที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีย่อมมีความสำคัญ

แต่ขณะนี้เรื่องตัวบุคคลยังเป็นปัญหา

การปรับ ครม.ของ พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นเรื่องปกติ ถ้าทีม รมต.ของ พล.อ.ประยุทธ์ ไร้ที่ติในด้านการบริหารประเทศ โดยเฉพาะการบริหารประเทศในสถานการณ์ล่อแหลมเช่นปัจจุบัน

ถ้าบุคคลที่เป็นรัฐมนตรีทำให้ประชาชนเชื่อมั่นว่า จะนำพาประเทศไปสู่ความเจริญ จะไม่เข้ามากอบโกยงบประมาณอัดฉีดเศรษฐกิจจำนวนแสนล้านบาท

ถ้ารัฐมนตรีสามารถสร้างความเชื่อมั่นเช่นนั้นได้ พล.อ.ประยุทธ์ก็ย่อมบริหารประเทศต่อไปอย่างสบายใจ

แต่หากบุคคลที่เป็นรัฐมนตรีไร้ความสามารถ

ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีชุดปัจจุบันที่กำลังทำงาน หรือคนใหม่ที่จะก้าวมาเป็นรัฐมนตรีหลังการปรับ ครม.

ถ้าคนใหม่ที่เข้ามาเป็นรัฐมนตรีนั้นมี “ดีกรี” ต่ำกว่าคนเก่าที่ถูกเปลี่ยน

หรือไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นทั้ง “ความสามารถ” และ “ความสะอาด”

ก้าวต่อไปของรัฐบาลก็ย่อมเข้าสู่เขตอันตราย

เพราะทุกการเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดรอยร้าวภายใน ถ้าการเปลี่ยนแล้วทำให้ประเทศชาติรุ่งโรจน์ รอยร้าวภายในแม้มี แต่ก็ไม่ขยายปริแตกออก

ในทางตรงกันข้าม หากมีการเปลี่ยนแปลงแล้วประเทศชาติยังไร้อนาคต ประชาชนหมดสิ้นความหวัง

รอยร้าวก็จะขยายจนปริแตก และกลายเป็นจุดจบของรัฐบาล เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับรัฐบาลในอดีต

เชื่อว่าปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ พล.อ.ประยุทธ์ทราบดี

พล.อ.ประยุทธ์จึงต้องมีเวลาตัดสินใจ

แล้วหลังจากนั้น จึงค่อยมาติดตามสถานการณ์ของรัฐบาลที่เกิดขึ้นภายหลังตัดสินใจต่อไป

Let's block ads! (Why?)



"โซน" - Google News
June 21, 2020 at 12:28PM
https://ift.tt/2V5Zwf0

การเมือง ปรับ ครม. จับตา บิ๊กตู่ เข้าโซน อันตราย - มติชน
"โซน" - Google News
https://ift.tt/2yRS2EL
Share:

0 Comments:

Post a Comment